Diary


รักษาสายตาอย่างไร เมื่อต้องนั่งหน้า Notebook นานนาน



การดูแลสายตาเบื้องต้น

1. ควรพักสายตาทุก ๆ 5 นาที โดยการมองไปรอบ ๆ หน้าจอ Notebook
2. หลับตาลงบ้างซักประมาณ 2-3 นาที เมื่อคุณต้องทำงานที่ใช้สายตาในการเพ่ง เช่น การพิมพ์งาน หรือการใส่ข้อมูลยาว ๆ

การรักษาระยะทางที่เหมาะสมและมาตรการการรักษาความปลอดภัยอื่น ๆ

1. ควรเว้นระยะห่างจากหน้าจอประมาณ 20 - 26 นิ้ว
2. ควรให้ตำแหน่งของหน้าจออยู่ต่ำกว่าระดับสายตาเล็กน้อย
3. เอียงหน้าจอไปทางตรงข้ามกับตัวคุณอย่างน้อย 10 - 20 องศา
4. ทำความสะอาดหน้าจออย่างสม่ำเสมอ ไม่ให้มีรอยนิ้วมือและไรฝุ่น
5. ควรใช้เก้าอี้ที่สามารถปรับระดับได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะสามารถผ่อนคลายได้อย่างง่ายดาย
6. ไม่ควรอ่านเอกสารทั้งหมดบนหน้าจอ Notebook แต่ควรปริ้นท์เอกสารเหล่านั้นออกมาอ่านจะดีกว่า
7. พื้นผิวที่รองรับ Notebook ควรจะอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 26 นิ้ว
8. ควรเว้นระยะห่างระหว่างเข่าและโต๊ะทำงานประมาณ 2-4 นิ้ว
9. ควรใช้ขนาดตัวอักษรที่มองเห็นได้ชัดเจนและสบายตา เพราะขนาดตัวอักษรจะเป็นตัวกำหนดว่า ผู้ใช้งานจะใช้เวลานานเท่าไรในการมองหน้าจอ

การเปลี่ยนลักษณะแบบอักษรข้อความบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณ

1. คลิกขวาที่หน้าจอแล้วเลือก Personalization
2. เลือกที่ Display
3. เลือกขนาดตามที่ต้องการ ปกติจะเป็น 100%? แนะนำว่า Notebook ใครมีความละเอียดหน้าจอสูง ๆ เช่น 1920 x    1080 ควรเลือกเป็น 125%
4. เสร็จแล้วกด Apply

การจัดโต๊ะทำงานให้ถูกตำแหน่ง

1. ควรอยู่ใต้ไฟนีออน
2. ไม่ควรอยู่ใกล้หน้าต่าง

ดูแลแสงสว่างให้เหมาะสมในสภาพแวดล้อมการทำงานของคุณ เพื่อป้องกันแสงจ้าจากแสงแดดและโคมไฟ

1. สำรวจดูว่าอะไรที่ทำให้เกิดแสงจ้าได้ เช่น กระจก อะลูมิเนียม หรือทุก ๆ อย่างที่สามารถสะท้อนแสงได้ เพราะถ้าสายตาของเราได้รับแสงมากเกินไป จะมีผลเสียต่อดวงตาแน่นอน
2. คลุมหน้าต่างด้วยผ้าม่านหรือตัวกรองแสง เพื่อลดแสงจ้าจากแสงแดดหรือโคมไฟในสภาพแวดล้อมการทำงานของคุณ
3. การปรับค่า Contrast ควรให้สมดุลกับการปรับค่า Brightness

อ้างอิง  http://notebookspec.com/web/?p=56957
 
 

ใช้แบตเตอรี่อย่างไรไม่ให้เสื่อมเร็ว


 
 
 
ทุกๆครั้งที่เปิดโน้ตบุค  มันก็ทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่  ลดลงด้วย ส่วนใหญ่แล้วจะใช้งานแบตเตอรี่ได้เต็มที่
สูงสุดก็ราวๆ 3-4  ชั่วโมง

วิธีที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่โน๊ตบุค

1. Defrag คอมพิวเตอร์บ้าง   การ Defragmentation คอมพิวเตอร์จะช่วยให้  การทำงานของโน๊ตบุคดีขึ้น มีประสิทธิภาพดีขึ้น   เพราะมันจะทำให้เวลาในการเข้าถึงข้อมูลลดน้อยลง   การจะเข้าไปอ่านข้อมูลใน Hard Drive จะต้องใช้แบตเตอรี่  ผลกระทบมันอาจะน้อยนิด แต่ถ้าหมั่นรักษา hard drive ไว้ ก็ย่อมส่งผล  ต่อการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ด้วย

2. ตัวไหนไม่ใช้งานก็เอาออก    ลองกด Ctrl-Alt-Del  เพื่อจะได้หน้าต่าง   Windows Task Manager หากว่าคุณไม่ได้ใช้งาน internet   ก็ปิดโปรแกรมที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น firewall   พยายามปิดโปรแกรมที่ไม่จำเป็นในการใช้งาน   โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรแกรมตอน start-up (เมื่อเปิดเครื่องโปรแกรมเหล่านี้จะรันอัติโนมัติ) เราสามารถปิดโปรแกรมที่เป็น start-ups program ได้โดยการแก้ไขที่    System Configuration วิธีการก็คือ   ไปที่ Run แล้วพิมพ์ msconfing กด enter   แล้วก็ไปที่แถบ Startup ให้ uncheck โปรแกรม   ที่ไม่ต้องการให้มันรันอัตโนมัติตอนเปิดเครื่อง
แล้วก็รีสตาร์ทเครื่องไปหนึ่งครั้ง

3. หยุดการทำงานของ  scheduled tast  ซึ่งอาจจะเป็นการตอนสแกนไวรัส หรือตอน defrag คอมพิวเตอร์  แต่ต้องมั่นใจว่าเราหยุดกระบวนการพวกนี้ไว้ก่อน  เฉพาะตอนที่แบตเตอรี่เราใกล้จะหมดแล้ว ถ้าหากแบตยังเหลือเพียงพอ ก็ปล่อยให้มันทำงานไป

4. Unplug external devices
USB เป็นตัวการสำคัญที่สุด   ที่เป็นตัวกินพลังงานจากแบตเตอรรี่  ให้ถอด external device ออก เช่น เมาส์   PC cards, WiFi,เครื่องเสียง, Bluetooth  หรือ iPod ก็จะทำให้ใช้งานได้นานขึ้น

5. Empty the CD/DVD Drives   ถ้าไม่ได้จะใช้งานจากแผ่น CD/DVDs ก็เอาแผ่นออกจากคอมพิวเตอร์ เพราะถ้า
เกิดเอาแผ่นค้างไว้เครื่องก็จะมาอ่าน  CD ด้วย ทำให้สูญเสียพลังงานของแบตไปโดยเปล่าประโยชน์

6. Lower the lights  จอ LCD ของโน๊ตบุคก็เป็นอีกตัวที่ใช้พลังงานเยอะ  ยิ่งใช้แสงจ้ามากๆ ก็ยิ่งใช้แบตมาก ดังนั้น
ควรเปิดแสงให้สว่างพอที่คุณจะมองเห็น คุณสามารถแก้ไขความจ้าของหน้าจอคอมได้ ด้วยการเปลี่ยนค่าที่ Display Setting (คลิกขวาหน้าจอ เลือก properties)

7. ปิด screen saver   
ตามนั้นแหล่ะครับ ปิดไปเสีย จะได้ใช้ได้นานขึ้น

8. Hibernate ดีกว่าเลือก Sleep  เวลาจะพักการทำงานของโน๊ตบุค  จะมีสองอย่างให้เลือกใช้ไหมครับ นั่นคือ Hibernateกับ sleep ให้เลือก Hibernate ดีกว่า
 

 
 
 

ห้าเคล็ดลับวิธีลดความอ้วนแบบธรรมชาติ

1.             ไม่กินข้าวมื้อเย็น   ให้ทานอาหารพวกผักและผลไม้แทน  ในมื้อเย็นให้หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มากเกินไป  และหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกแป้ง   (โดยเฉพาะข้าว ไม่ควรทานมากเกินไป)  ไขมัน  อาหารทอด  สิ่งที่ควรทาน ได้แก่ ผลไม้  สลัดผัก อาหารจำพวกเส้นใย  น้ำผลไม้ เป็นต้น
2.             ในหนึ่งสัปดาห์  ควรเลือกหนึ่งวัน  สำหรับงดเนื้อสัตว์  ไขมัน  ข้าว  แล้วกินแต่ผลไม้และธัญพืชอย่างเดียวทั้งวัน   เช่น  มะละกอสุก   กล้วย  แอปเปิล  สับปะรด  ถั่วต่าง ๆ   ไม่ควรทานผลไม้ที่ให้แคลลอรี่สูง เช่น ทุเรียน  ขนุน
3.             อาหารทุกมื้อพยายามเคี้ยวอย่างช้า ๆ   การที่เราทานอาหารด้วยความรวดเร็ว  จะทำให้เราทานได้มากเกินพิกัดโดยไม่รู้ตัว   และที่สำคัญควรจำไว้ให้ดีว่าไม่ควรทานอาหารหลังหกโมงเย็น  หรือช่วงกลางคืนดึกดื่นเป็นอันขาด  เพราะช่วงนี้แหละที่จะทำให้เจอกับปัญหาอ้วน   ควรทานอาหารให้พอเหมาะ  โดยเฉพาะข้าวอย่าทานมาก  ควรทานผักให้มาก ๆ แทน  หากรู้สึกไม่อิ่ม  ให้ทานน้ำผลไม้   หรือทานผลไม้   ธัญพืชเพิ่มเติมเข้าไป   แต่อย่าลืมล่ะว่าเราต้องทานอาหารให้ครบห้าหมู่   แต่ไม่จะเป็นต้องทานในปริมาณมากเพราะจะทำให้อ้วน
4.             หมั่นดื่มน้ำผลไม้ก่อนทานอาหาร  ก่อนทานอาหาร  ควรดื่มน้ำผลไม้หรือผลไม้สดก็ได้   เช่น  น้ำส้ม เพราะวิตามินที่มีอยู่ในน้ำส้มจะช่วยดูดซึมสารอาหารที่สำคัญ  น้ำองุ่น  ในองุ่นนั้นมีแร่ธาตุเสริมให้เนื้อเยื่อแข็งแกร่งและสดใสเพราะอุดมไปด้วยวิตามินซี  ซึ่งการดื่มน้ำผลไม้หรือทานผลไม้ก่อนทานอาหาร  จะช่วยให้เราอิ่มเร็วขึ้น  ทำให้ไม่ต้องทานอาหารเยอะเกินความจำเป็น  และช่วยให้ไม่อ้วนด้วย
5.             การเคลื่อนไหวร่างกายหรือการออกกำลังกาย   พยายามหาเวลาหรือกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายได้เคลื่นไหวจนได้เหงื่อ  เช่นการออกกำลังกาย   การเล่นกีฬา   การทำงานบ้าน  เป็นต้น   ช่วงแรกเริ่มต้นประมาณครึ่งชั่วโมงก็ยังดี  และเมื่อร่างกายเริ่มปรับเข้าที่ก็เพิ่มการออกกำลังกายเป็นวันละ หนึ่งชั่วโมง  จะช่วยเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น  แถมได้สุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วย  ซึ่งการออกกำลังกายถือเป็นอีกสูตรสำเร็จที่ทำให้ผู้ที่ต้องการลดความอ้วน  สามารถทำฝันให้เป็นจริงได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น